Skip to content
มาทำความรู้จักปุ่ม Call to Action เพิ่มความสนใจให้กับผู้ชม

Table of Contents

อยากกระตุ้นให้ลูกค้าทัก? Call to Action คือ​กุญแจสำคัญ!

Call to Action คือหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทุกธุรกิจควรรู้จัก โดยปุ่ม Call to Action หรือ CTA คือกุญแจสำคัญในการกระตุ้นให้ผู้ชมให้เกิดการตัดสินใจในการกระทำบางสิ่งบางอย่างบนหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ 

ทว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่า Call to Action คืออะไรอย่างถ่องแท้ ยังไม่รู้ว่า Call to Action มีอะไรบ้าง

ดังนั้นในวันนี้ทาง ADME บริษัทเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์จะมาให้ความกระจ่าง พาทุกคนไปทำความรู้จักกับปุ่ม Call to Action ดูว่า Call to Action คืออะไร? และมีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร? ถ้าสนใจอยากที่จะรู้แล้วก็ไปดูพร้อม ๆ กันได้เลย

นักการตลาดต้องรู้ Call to Action คืออะไร? มาไขข้อสงสัยกัน

Call to Action คืออะไร? หลาย ๆ คนอาจเกิดคำถามนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกัน ซึ่ง Call to Action หรือที่เรียกกันอย่างย่อว่า CTA คือเครื่องมือในการทำการตลาดที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากเครื่องมือหนึ่ง โดยจะเป็นถ้อยคำสั้น ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดการตัดสินใจในการกระทำบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสมัครสมาชิก สั่งซื้อ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม เป็นต้น

โดยปุ่ม Call to Action นั้นอาจปรากฏขึ้นตามหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจหรือตามโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์และการออกแบบ Website
ของแต่ละธุรกิจ ซึ่งปุ่ม CTA นั้นสามารถมาได้ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของปุ่ม ป้าย แบนเนอร์ ภาพกราฟิก Hyperlink เป็นต้น ทั้งนี้ ลักษณะพื้นฐานของปุ่ม
Call to Action ที่ดีคือต้องมีความกระชับ ชัดเจน ดึงดูดความสนใจ และให้ความรู้สึกเชิญชวนให้ผู้ชมกดคลิกเข้าไปเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไปตามที่เราต้องการ

พาดูเหตุผลว่าทำไมต้องใช้ Call to Action บนเว็บไซต์

ทำไมธุรกิจถึงต้องใช้ Call to Action บนเว็บไซต์? ว่ากันตามตรงแล้วการใช้งานปุ่ม Call to Action นั้นเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการดำเนินธุรกิจ
ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจแบบ B2B B2C หรือ E-Commerce ก็ตาม 

เนื่องจากในส่วนของการรับทำการตลาดออนไลน์บนเว็บไซต์ การใช้งาน CTA นั้นจะเป็นสิ่งที่ช่วยนำทางให้ผู้เข้าชมรู้ว่าควรทำอะไรในขั้นตอนต่อไป ซึ่งหากขาด Call to Action
ไปผู้ชมอาจเกิดความสับสนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อหากสนใจในสินค้าและบริการในเว็บไซต์นี้ โดยหากสรุปเหตุผลที่ควรใช้งาน Call to Action คืออะไรบ้าง จะสามารถสรุปเป็นข้อ ๆ
ได้ดังนี้

  • เพื่อนำทางผู้เข้าชมเว็บไซต์ไปยังขั้นตอนต่อไปที่ควรดำเนินการ
  • ช่วยเพิ่มจำนวนของผู้เข้าชมไปยังหน้าเว็บไซต์
  • ช่วยกระตุ้นช่องทางการขายของธุรกิจ
  • ช่วยกระตุ้นให้เกิดการกระทำบางอย่าง เพิ่มยอด Conversion
  • ส่งเสริมการปิดการขายบนช่องทางออนไลน์


ปุ่ม Call to Action มีความสำคัญต่อกลยุทธ์ SEO อย่างไร?

การมีปุ่ม Call to Action ควบคู่ไปกับการใช้บริการรับจ้างเขียนคอนเทนต์ SEO บนหน้าเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ของการทำการตลาดออนไลน์ SEO ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดย CTA ที่มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้ชมนั้นจะช่วยมอบประสบการณ์ดี ๆ ในการใช้งานเว็บไซต์และอ่านเนื้อหาคอนเทนต์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุงอันดับบนหน้าผลการค้นหาของ Search Engine ได้อีกด้วย

ดังนั้น การใช้ปุ่มCall to Action ควบคู่กับกลยุทธ์ SEO จะช่วยเพิ่ม Click Through Rate ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหา นอกจากนี้ การมีปุ่ม
Call to Action ที่น่าดึงดูดไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่ม Click Through Rate แต่ยังช่วยเพิ่ม Conversion ซึ่งทำให้การตลาดออนไลน์และการทำ SEO ของธุรกิจมีประสิทธิภาพ
มากยิ่งขึ้น การวาง CTA ที่ชัดเจนและในตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจและสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้ได้

4 เป้าหมายหลักของการใช้ปุ่ม Call to Action มีอะไรบ้าง?

แน่นอนว่าการใช้งานปุ่ม Call to Action นั้นย่อมต้องมีวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายว่าเราสร้าง CTA นี้ขึ้นมาเพื่ออะไร? ทาง ADME Media ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักว่าเป้าหมายหลัก 4 ประการของการใช้งาน Call to Action มีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย

เป้าหมายแรกของการใช้งาน CTA คือการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มคนที่น่าจะเป็นลูกค้าเรา (Potential Lead) เข้าสู่หน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการนั่นเอง โดยการใช้งาน CTA ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว แต่เรายังสามารถเก็บข้อมูลบางอย่างจากกลุ่มเป้าหมาย เช่น Email เพื่อสร้างฐานข้อมูลสำหรับนำไปทำการตลาดต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย โดยใช้ CTA ที่ดึงดูดใจ เช่น

  • กดเพื่อรับข่าวสารฟรี! >> เพื่อเชิญชวนให้กดสมัครรับข่าวสารผ่านทาง Email
  • ทดลองใช้งาน ฟรี! >> เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการอยากทดลองใช้งาน
  • ลงทะเบียนวันนี้ รับข้อเสนอสุดพิเศษ! >>เพื่อให้ลูกค้ามอบข้อมูลบางอย่างให้กับแบรนด์ เพื่อแลกกับ
       ของรางวัลมอบข้อเสนอสุดพิเศษเพื่อแลกกับข้อมูลบางอย่าง

แน่นอนว่าในการทำธุรกิจ การเพิ่มยอดขายของสินค้าและบริการนั้นเป็นเป้าหมายหลักที่ทุกคนต้องการ
ซึ่งการใช้งาน Call to Action คือสิ่งที่สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ ได้ โดยอาจใช้งาน CTA เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าได้ดังนี้

  • คลิก สั่งซื้อวันนี้! >> เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมสั่งซื้อ
  • คลิก ติดต่อรับดีลพิเศษ  >> เพื่อกระตุ้นให้ติดต่อฝ่ายขาย
  • ส่วนลดพิเศษ คลิก!  >> เพื่อกระตุ้นให้สั่งซื้อ และเยี่ยมชมสินค้าหรือบริการของแบรนด์

นอกจากการดึงดูดผู้ชมเข้าสู่เว็บไซต์และกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายหลักของ
Call to Action คือการกระตุ้นให้เกิดการอ่านเพื่อรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยอาจใช้งานคำกระตุ้นให้เกิด
การกระทำอย่างเช่น

  • ลงทะเบียนเลย! >>  เพื่อให้ผู้ชมทิ้งช่องทางการติดต่อและธุรกิจได้นำเสนอสินค้าเพิ่มเติม
  • รับข้อมูลเพิ่มเติม >> เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมใส่ข้อมูลการติดต่อ

เป้าหมายหลักประการสุดท้ายของการใช้งาน Call to Action คือการสร้าง Brand Awareness หรือการสร้างการรับรู้แบรนด์นั่นเอง ซึ่งคุณอาจใช้งาน CTA บนหน้าโซเชียลมีเดียหรือหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ เช่น

  • แชร์โพสต์นี้กับเพื่อน >> เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมได้เข้าไปมีส่วนร่วมในช่องทางโซเชียลมีเดีย
  • แชร์ความคิดเห็นของคุณ >> เพื่อกระตุ้นให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแบรนด์และทำให้คนรู้จักมากขึ้น

5 ประเภท Call to Action ที่ใช้ได้ผลลัพธ์ดี มีอะไรบ้างไปดูกัน!

หลังจากที่ได้รู้จักเป้าหมายหลักของการใช้ Call to Action กันไปแล้ว หลายคนอาจเกิดความสงสัยตามมาว่า CTA มีเฉพาะรูปแบบปุ่ม Call to Action อย่างเดียวหรือ?
ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้ว Call to Action นั้นไม่ได้มีเฉพาะรูปแบบ “ปุ่ม” เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลากหลายรูปแบบให้ได้เลือกใช้งานกันตามความต้องการ โดยจะมี Call to Action
5 ประเภทหลัก ๆ ที่ใช้งานได้ผลลัพธ์ดี ซึ่งรูปแบบ Call to Action มีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย

Hyperlink Text CTAs

Hyperlink Text CTAs หรือ ข้อความไฮเปอร์ลิงก์ เป็นหนึ่งในรูปแบบของ CTA ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้งานบน Blog Post และ Email ซึ่งจะไม่ทำให้
ผู้เข้าชมได้รับความรู้สึกกดดันให้ต้องดำเนินการขั้นตอนต่อไป โดยจากการศึกษาวิเคราะห์ของทาง HubSpot พบว่าการใช้งาน Hyperlink Text CTA ช่วยเพิ่มอัตรา Conversion ได้สูงถึง 121% อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากถึง 93% อีกด้วย

Images and Banners

อีกหนึ่งรูปแบบที่ใช้ได้ผลลัพธ์ดีของ CTA คือ Images and Banners หรือ รูปภาพและแบนเนอร์ที่ฝังลิงก์เข้าไปเพื่อให้สามารถคลิกไปยังขั้นตอนต่อไปได้นั่นเอง ซึ่งการใช้งาน CTA รูปแบบรูปภาพจะช่วยดึงดูดความสนใจและชักนำให้ผู้ชมกดคลิกเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Popups

แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าการใช้งาน CTA รูปแบบ Popups หรือ ป๊อบอัป นั้นอาจสร้างความรู้สึกรบกวนแก่ผู้ชม แต่ต้องบอกว่าป๊อบอัป Call to Action คือรูปแบบที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว ซึ่งจะสามารถนำผู้ชมไปยังขั้นตอนดำเนินการที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครรับข่าวทาง Email หรือการตอบแบบสอบถาม

Social Media Icons

Social media icons หรือ โซเชียลมีเดียไอคอนเองก็เป็นหนึ่งในรูปแบบของ Call to Action ที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจที่มีโซเชียลมีเดีย
เป็นของตนเอง ซึ่ง CTA รูปแบบนี้จะใช้สัญลักษณ์ไอคอนของโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ลิงก์ไปยังหน้าโซเชียลมีเดียของธุรกิจ เพื่อให้ผู้ชมสามารถกดติดตามโซเชียลมีเดียของแบรนด์เพื่อรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้

Forms

รูปแบบสุดท้ายของ Call to Action ที่ใช้งานได้ผลลัพธ์ที่ดีอีกหนึ่งประเภทที่ทาง ADME นำมาเสนอในวันนี้ก็คือ Forms หรือ แบบฟอร์ม นั่นเอง โดยแบบฟอร์มเป็นรูปแบบ
ของ CTA ที่นิยมใช้เพื่อเก็บข้อมูลบางอย่างที่ต้องการจากผู้เข้าชมหรือเพื่อให้สมัครใช้บริการ โดยอาจจัดวางไว้บริเวณหน้าแรกของเว็บไซต์หรือที่หน้า Landing Page เพื่อดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดการดำเนินการได้

ตัวอย่างเช่น การที่มีช่องให้กรอกชื่อ-นามสกุล และอีเมล เพื่อลงทะเบียนรับ E-book ฟรี ซึ่งการที่ผู้ใช้กรอกข้อมูลเหล่านี้ครบ เราก็จะได้รู้ว่าใครคือคนที่สนใจสินค้าหรือบริการของเราอย่างแท้จริงอีกทั้งธุรกิจยังได้ข้อมูลการติดต่อเพิ่มเติมอีกด้วย

รวมเทคนิคสร้าง Call to Action ให้จูงใจผู้ชมเห็นแล้วอยากคลิก!

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจกับการใช้งาน Call to Action และรู้ว่า Call to Action คืออะไรกันไปแล้ว ต่อมาทาง ADME ขอแนะนำเทคนิคการสร้าง Call to Action ให้จูงใจผู้ชม กระตุ้นให้เห็นแล้วอยากคลิก ซึ่งเทคนิคที่ทาง ADME จะนำมาแนะนำมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

  1. เขียนให้สั้น กระชับ ไม่ยืดยาวจนเกินไป
  2. เลือกใช้ถ้อยคำที่ทรงพลัง กระตุ้นให้เกิดการกระทำ
  3. เลือกใช้คำที่แสดงให้เห็นถึงความสนิทสนม เป็นมิตร เข้าถึงง่าย
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เทคนิคเพื่อป้องกันความสับสน ใช้คำศัพท์ทั่วไปที่สามารถเข้าใจได้ง่ายแทน
  5. ให้ความรู้สึกเร่งด่วน จำเป็นต้องกดคลิก ดำเนินการขั้นตอนต่อไปเดี๋ยวนี้
  6. ใช้เทคนิค FOMO (Fear of Missing Out) สร้างความรู้สึกให้ผู้ชมไม่อยากพลาดข้อเสนอตรงหน้า
  7. เน้นมอบข้อเสนอที่ไม่มีข้อผูกมัด แสดงให้เห็นว่าการดำเนินการขั้นตอนต่อไปจะไม่เป็นภาระผูกพัน
  8. แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ชมจะได้รับอะไรจากการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
  9. ออกแบบดีไซน์ให้มีความสวยงาม โดดเด่น ดึงดูดความสนใจของผู้ชม
  10. ตำแหน่งการวางต้องมีแบบแผน มีการวิเคราะห์ตำแหน่งในการจัดวาง CTA ตาม UX/UI


อ่านมาจนถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า Call to Action คือกุญแจสำคัญที่จะกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดการกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ธุรกิจคาดหวังไว้ โดยปุ่ม Call to Action หรือ CTA คือถ้อยคำสั้น ๆ กระชับ ทว่าทรงพลัง สามารถจูงใจให้ผู้ชมดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการสมัครสมาชิก สมัครรับข้อมูลข่าวสาร ดำเนินการสั่งซื้อ เป็นต้น

หากว่าคุณมีความสนใจที่จะสร้าง Call to Action ของตนเองบ้างเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่คุณต้องการ แต่รู้สึกว่ายังไม่เข้าใจกับ Call to Action อย่างถ่องแท้ ไม่รู้ว่า Call to Action มีอะไรบ้าง หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้าง CTA อย่างไรดี ทาง ADME Media บริษัทรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ยินดีเป็นเพื่อนคู่คิด
ให้คำปรึกษา และให้ความช่วยเหลือดูแลในส่วนของการทำ Call to Action เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้