แน่นอนว่าในครั้งนี้ ADME ก็ไม่พลาดที่จะเลยได้รวมแอพส่งอาหารเด็ด ไว้ถึง 6 แอป เพื่อให้ทุกคนได้เห็นถึงรายละเอียดว่าแอพส่งอาหารอันไหนดี รวมไปถึงข้อดี ข้อเด่น และข้อแตกต่าง แล้วเอาไปเลือกได้เลยว่า Platforms ไหนที่เหมาะกับการนำมาใช้ในเป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ของร้านอาหารของทุกคนมากที่สุดไว้ที่นี่แล้ว!! ซึ่งทั้ง 6 Platforms ที่เราอยากนำเสนอให้ทุกคนได้รู้จักที่นี่ก็คือ…
GrabFood
บริษัท Ridesharing Company สัญชาติสิงคโปร์ ที่น่าจะคุ้นหูพวกเรากันดี ซึ่งในปัจจุบันก็ได้ขยายธุรกิจมาทำ “GrabFood” แอพสั่งอาหารที่มีจำนวนผู้ใช้ รวมถึงจำนวน Riders อันดับต้น ๆ ของประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งหากทุกคนมีร้านอาหารแล้วสมัครเข้าไปเป็น Partner สิทธิพิเศษที่ทุกคนจะได้รับก็จะมากมายเลยทีเดียว อย่างเช่นการฟรีค่าสมัคร ใช้แอป GrabMerchant เพื่อจัดการออเดอร์และรายได้อย่างมีระบบ รวมถึงได้รับการโปรโมตให้เป็น “Preferred Merchant” แสดงผลในอันดับบน ๆ ของแอป ช่วยให้ลูกค้าเห็นร้านของทุกคนได้เร็วและง่ายขึ้นสุด ๆ ไปเลยล่ะ
Foodpanda
ต่อมาที่แอพสั่งอาหารเดลิเวอรี่ “Foodpanda” ซึ่งเป็น Food Delivery Platform ที่มี Headquaters อยู่ที่ประเทศเยอรมนี โดยหากทุกคนอยากสมัครเข้าร่วมเป็น Partner กับเจ้านี้ก็อาจจะต้องเสียค่าสมัครและค่ารายเดือนกันสักหน่อย แต่จุดเด่นของแอปนี้ก็คือมีพื้นที่ให้บริการสุดครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย ครบ 77 จังหวัด แถมทุกคนจะยังได้รับ Tablet จากทาง Foodpanda ช่วยให้เรื่องการบริหารร้านของทุกคนง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และทุกคนจะยังได้รับ Voucher ส่วนลด 50 บาทจำนวน 100 ใบ เอาไว้แจกให้กับแขกไป ใครมา เป็นส่วนลดสุดพิเศษในช่วงเริ่มแรกที่เข้าร่วมกับ Foodpanda เพื่อช่วยดึงดูดให้มีลูกค้าสั่งอาหารกับทุกคนมากขึ้นนั่นเอง
LINE MAN Wongnai
ADME ขอรวมแอพส่งอาหารต่อกันที่แอพ “LINE MAN Wongnai” แอป Food Delivery ชื่อดังอีกเจ้าที่มีข้อดีสุด ๆ หากทุกคนสมัครเป็น Partner ก็คือทุกคนจะสามารถโปรโมทร้านอาหารของทุกคนผ่าน Social Media ของ Wongnai ที่ขึ้นชื่อเรื่องการรีวิวอาหารอร่อย ๆ ได้ฟรี!! แถมถ้าทุกคนรีบสมัครตอนนี้ผ่าน “โครงการส่ง 0 บาท” กับทาง LINE MAN Wongnai จะช่วยให้ทุกคนประหยัดแบบสุด ๆ เพราะทุกคนไม่ต้องเสียค่ามัดจำในการสมัคร 1,000 บาท เรียกว่าสมัครได้แบบฟรี ๆ เลยทีเดียว
GoFood by Gojek
สำหรับการสมัครเป็น Partner กับ Food Delivery Platform น้องใหม่อย่าง “GoFood by Gojek” แม้พื้นที่ของแอพสั่งอาหารให้บริการจะยังจำกัดอยู่เพียงแค่ในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล แต่ก็มีข้อดีที่น่าสนใจมากมาย ให้ทุกคนไม่ต้องสงสัยไปว่าแอพส่งอาหารอันไหนดีอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการจัดการออเดอร์และอัปเดตข้อมูลทุกอย่างแบบ Real-time ผ่านแอป Gobiz รวมถึงทุกคนจะยังได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมโครงการ “มาตรฐานร้านสะอาดปลอดภัย” ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านอาหารของทุกคนได้แบบฟรี ๆ อีกด้วย!!
Robinhood by SCB
“Robinhood by SCB” แอพสั่งอาหาร Food Delivery Platform ที่ดำเนินการโดยธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ถึงแม้จะยังมีพื้นที่ให้บริการเพียงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ข้อดีสุดพิเศษของที่นี่ก็คือ ถ้าทุกคนสมัครเข้าร่วมเป็น Partner ทุกคนจะไม่ต้องเสียค่า GP แม้แต่บาทเดียว!! เรียกได้ว่าคุ้มที่จะลองสุด ๆ แถมยังได้รับเงินไว้ภายใน 1 ชั่วโมง และตอกย้ำความพิเศษแบบสุด ๆ เพราะทุกคนจะสามารถเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเตรียมหลักฐานแสดงรายได้ หรือหลักฐาน Statements ให้ยุ่งยากต่อไปเลยล่ะ!
True Food
ปิดท้ายกันที่แอพสั่งอาหารอย่าง “True Food” น้องใหม่ที่พร้อมเขย่าวงการ Food Delivery ในไทย โดยแอพสั่งอาหารเดลิเวอรี่นี้ จะโดดเด่นไปด้วยเรื่องการไม่เก็บค่า GP และสามารถใช้ Application TrueID รวมถึงทรูพอยต์ในแอปมาใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับร้านอาหาร แน่นอนว่าสมัครง่าย และทำได้หลายช่องทาง ทั้งโทรไปที่ Call Center ที่เบอร์ 1326 หรือจะสมัครผ่านแอป True Smart Merchant ก็ได้เช่นกันนะ
และสำหรับเหล่าผู้ประกอบการร้านอาหารคนไหน ที่ต้องการรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติม ก็สามารถอ่านต่อได้แบบเข้าใจง่ายสุด ๆ กับภาพ Infographic ที่ทาง ADME ของเรารวมแอพส่งอาหาร และรายละเอียดต่างๆ ไว้อย่างครบครัน รับรองว่าจะเป็นประโยชน์กับร้านอาหารของทุกคนอย่างเต็มที่แน่นอน!