Skip to content
อัจฉริยะตัวใหม่ล่าสุดบน Google ก็คือ Google Bard คืออะไร

Google Bard คือ AI น้องใหม่ที่น่าจับตามองในวงการแชตบอต

Table of Contents

Google Bard คือ แชตบอต AI ของ Google ตัวใหม่ ที่มีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า Bard เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องให้มีความรู้ที่ครอบคลุมในเรื่องต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง และยังรองรับภาษาอื่นนอกจากภาษาอังกฤษ เพื่อให้มีข้อมูลสำหรับสื่อสารและสร้างข้อความที่เหมือนมนุษย์มากที่สุดในการตอบสนองต่อผู้ใช้งาน และอีกหนึ่งความสามารถของ Google Bard ที่หลายคนอาจจะยังนึกไม่ถึง นั่นก็คือ การมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ SEO สำหรับการทำการตลาดออนไลน์ได้อีกด้วย

สำหรับบทความนี้ ADME จะพาคุณไปสำรวจวงการ AI ว่า Google AI คืออะไร มีความสามารถที่แตกต่างไปจาก AI ตัวอื่น ๆ อย่าง Gemini หรือ Chat GPT ที่ทุกคนเคยใช้งานอย่างไร รวมทั้ง Google Bard ใช้ยังไงให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้าคุณพร้อมแล้วเรามาสำรวจโลกของ AI ไปพร้อม ๆ กันเลย!

เคลียร์ชัด! Google Bard กับ Gemini เหมือนกันหรือไม่

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อ AI ทั้ง Google Bard และ Gemini กันมาบ้างแล้ว และก็คงเกิดข้อสงสัยว่า ข้อแตกต่างระหว่าง Gemini และ Google Bard คืออะไร ซึ่ง ADME Media เอเจนซี่รับทำตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ได้หาคำตอบมาให้คุณแล้ว

Gemini AI ของ Google ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Google Bard ให้มีความสามารถในการทำงานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมตั้งแต่การสนทนา การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการเขียนโค้ด หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า Gemini ก็คือ Google Bard ที่อัปเกรดและเปลี่ยนชื่อมานั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีคนเรียกทั้ง 2 ชื่อนี้
แต่ขอให้รู้ไว้ว่า AI ทั้ง 2 ชื่อนี้คือสิ่งเดียวกัน

โดย Gemini ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Gemini Nano, Gemini Pro และ Gemini Ultra ให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ AI ให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละโปรเจกต์
และยังสามารถใช้งานได้สะดวกบนสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์เคลื่อนที่ Gemini จึงเป็น AI ที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านการทำงานและการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปฟังก์ชันการทำงานใหม่ของ Gemini ที่เพิ่มขึ้นจาก Google Bard

Gemini ไม่ได้แค่เปลี่ยนชื่อมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ Gemini ได้มีการพัฒนาระบบต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ซึ่ง ADME ได้สรุปสิ่งที่ Gemini แตกต่างจาก Google Bard คือ

  • เป็นโมเดล AI ของ Google เวอร์ชันที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา
  • สามารถเป็นครูสอนพิเศษส่วนตัว ที่สามารถให้คำแนะนำ สร้างแบบทดสอบ และโต้ตอบกับผู้เรียนได้
  • สามารถเขียนและแก้ไขโค้ดขั้นสูงได้
  • ช่วยสรุปการประชุม
  • เขียนบทความ แต่งเพลง ตอบคำถามที่มีความละเอียด
  • คิดไอเดียใหม่ ๆ ให้กับ Digital Ceator


ในปัจจุบันแอปพลิเคชัน Gemini สามารถใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ซึ่งสามารถใช้งานได้ฟรี เช่นเดียวกับ Google Bard คือมีหน่วยความจำจำกัดอยู่ที่ 15 GB  แต่ถ้าหากใครอยากใช้งาน Gemini Advance ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ต้องสมัคร AI Premuim ในราคา 700 บาท โดยสามารถเก็บข้อมูลได้มากถึง 2 TB

เทียบให้เห็น Google Bard vs ChatGPT เหมือนหรือต่างกันอย่างไร

สำหรับใครที่เคยใช้ AI คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อ ChatGPT ของ Open AI แล้วก็คงกำลังสงสัยอยู่ว่า AI ของ Google ตัวใหม่อย่าง Google Bard เหมือนหรือแตกต่างจาก ChatGPT อย่างไร จะเปลี่ยนใจมาใช้ Google Bard ดีไหม ถ้าอย่างนั้นเรามาเทียบกันชัด ๆ ผ่านตารางที่ ADME ได้สรุปมาให้กันเลยดีกว่าว่าข้อแตกต่างของ ChatGPT
และ Google Bard คืออะไรบ้าง ไปดูกันเลย!

Google Bard ChatGPT
การใช้งาน เหมาะกับงานที่ต้องการความถูกต้อง เช่น รายงานทางธุรกิจ บทความวิชาการ
อีกทั้งและสามารถเพิ่มความรู้เฉพาะทางในการตอบคำถามได้
เหมาะกับงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ เช่น การคิดสคริปต์ แคปชัน
หัวข้อการทำคอนเทนต์ แปลภาษา
ฟีเจอร์ มี Extention เชื่อมต่อกับแอปต่าง ๆ ของ Google เช่น Google Drive,
YouTube, Gmail ฯลฯ ทำให้เชื่อมโยงข้อมูลได้ง่าย โดยหาคำตอบจากผลิตภัณฑ์
ของ Google ได้เลย
มี Web Browsing, Plugin และ Code Interpreter
ให้เลือกใช้งานเพิ่มเติมเพื่อขยายขีดความสามารถของ AI
ความครอบคลุมของความรู้ ให้คำตอบที่กระชับ ครอบคลุมในประเด็นที่ต้องการ ให้คำตอบที่มีชั้นเชิง ในบางครั้งมีข้อมูลที่เชิงลึกกว่า
แต่ก็ครอบคลุมเนื้อหาสำคัญ
ความสดใหม่ของข้อมูล มีการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมีการอัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ มีข้อมูลล่าสุดอยู่ที่เดือนสิงหาคม 2021
ข้อจำกัดการใช้งาน สามารถตอบได้แค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น และไม่สามารถย้อนประวัติการสนทนาได้ สามารถตอบในภาษาที่เราถามได้ และเก็บประวัติการสนทนา
แต่จำกัดตัวอักษรในการตอบแต่ละครั้งได้สูงสุด 2048 ตัวอักษร/ครั้ง

Google Bard คือ ผู้ช่วยส่วนตัวที่ทำให้การทำงานง่ายว่าที่เคย

ตั้งแต่ที่ได้มีการเปิดตัว Google Bard คือ AI ที่ได้รับการพัฒนาและได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายความรู้และความสามารถให้มากขึ้น Bard ไม่เพียงแต่สามารถตอบคำถามพื้นฐานแต่ยังสามารถตอบคำถามที่หลากหลายหรือคำถามแปลก ๆ ที่ผู้ใช้งานมักชอบถามเพื่อความสนุกสนานได้อีกด้วย 

อีกหนึ่งความสามารถของ Google Bard คือ ความสามารถในการจัดการกับงานที่ซับซ้อน ทำให้ Bard กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะที่สามารถช่วยงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ADME ชวนทุกคนมาดูไปพร้อมกันว่า Google Bard สามารถช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นได้อย่างไรบ้าง

สามารถช่วยทำงานผ่าน Google Workspace

Google Bard เป็นผู้ช่วยให้คุณในการค้นหาข้อมูล ทำงานวิจัย คิดไอเดียใหม่ ๆ และยังมีระบบช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ ให้ผู้ใช้งานสามารถ Log in ผ่านบัญชี Google Workspace ได้ เพื่อเข้าถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Google ทำให้แต่ละฟีเจอร์ทำงานด้วยกันเพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

สามารถแชร์เนื้อหาไปยัง Google Docs และ Gmail

หลังจากที่ Google Bard ได้มีการเรียนรู้ทำงานผ่าน Google Workspace ที่จะทำให้คุณสามารถส่งออกหรือแบ่งปันเนื้อหาที่ให้ Bard ช่วยค้นหาไปยัง Google Docs และ Gmail ได้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว AI ของ Google ตัวนี้ยังเข้าถึงได้ทั้ง Google Map, Google Drive, Google Sheets, Google Slide, Google Meet และยังทำงานกับ
Google Search ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าคุณไม่จำเป็นจะต้องไปใช้ผู้ช่วยคนอื่น เพราะ Google Bard ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาไว้ให้คุณแล้ว

สามารถตอบกลับคำถามด้วยรูปภาพได้

อีกหนึ่งความสามารถที่เป็นจุดเด่นของ Google Bard คือ การที่สามารถตอบกลับคำถามได้ด้วยรูปภาพ หากผู้ใช้งานต้องการ หรือถ้าคุณอยากให้ Bard แสดงข้อมูลพร้อมกับรูปภาพประกอบ ก็สามารถทำให้ได้เช่นเดียวกัน

ผู้ใช้งานจะได้ข้อมูลที่สดใหม่อยู่เสมอ

Google Bard มีความสามารถในการนำเสนอข้อมูลที่ทันสมัยและสดใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้ในทุกครั้งในการค้นหาคำตอบ ซึ่งความสามารถนี้เกิดจากการใช้โมเดล LaMDA ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบและดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์เพื่อให้คำตอบที่ถูกต้อง จึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้จาก Google Bard คือข้อมูลที่เชื่อถือได้และค่อนข้างแม่นยำ นอกจากนี้ Bard
ยังมีการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ ทำให้การสื่อสารและการเข้าใจข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ได้ดี

Google Bard ได้รับการพัฒนาให้สามารถทำงานร่วมกับพันธมิตรได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวอย่างหนึ่งคือความร่วมมือระหว่าง Google และ Adobe Firefly ที่นำ AI ของ Google ตัวนี้เข้ามาผสานในแอปพลิเคชันของ Adobe ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์ภาพกราฟิกโดยใช้การบรรยายด้วยข้อความผ่าน Bard เมื่อผู้ใช้งานบรรยายสิ่งที่ต้องการผ่าน Bard จากนั้น Adobe Firefly จะสร้างผลงานภาพตามคำบรรยายที่สามารถนำไปใช้งานตามความต้องการต่าง ๆ ได้ ความสามารถนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างกราฟิกและทำให้การทำงานของผู้ใช้งานง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก

วิธีการอยู่ร่วมกับ AI เพื่อให้ใช้ Google Bard อย่างถูกวิธี

อย่างที่ทราบกันว่า Google Bard คือ AI Chatbot ที่มีความสามารถในการสรุปข้อมูลและตอบคำถามที่ซับซ้อน พร้อมกับเข้าใจบริบทของคำถามได้ดี ทำให้สามารถให้ข้อมูลที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจงได้ แต่ก็ไม่สามารถมาทดแทนมนุษย์ได้อย่าง 100% ซึ่งการอยู่ร่วมกับ AI อย่าง Bard ในยุคปัจจุบันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล เนื่องจากยังมีหลายเรื่องที่ AI ไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้อย่างเต็มที่ แต่การที่เทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้

การใช้งาน Bard อย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณเข้าถึงเทคโนโลยี AI ของ Google ที่ชาญฉลาดนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ Bard สามารถทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 10, Windows 11, MacOS, Linux, และบนอุปกรณ์ Android และ iOS คุณยังสามารถใช้งาน Bard ผ่านเบราว์เซอร์หลากหลาย เช่น Microsoft Edge หรือ Firefox ได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ Chrome เพียงอย่างเดียว 

นี่คือขั้นตอนสำหรับการเริ่มต้นใช้งาน Google Bard เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  1. เข้าเว็บไซต์ Bard และ Log in ด้วยบัญชี Gmail หรือ Google Workspace
  2. คลิกปุ่ม “Try Bard” หรือ “Sign in” เพื่อเข้าสู่ระบบ
  3. อ่านและยอมรับนโยบายการใช้งาน โดยคลิกที่ปุ่ม “I Agree”
  4. อ่านคำแนะนำสำหรับการเริ่มต้นใช้งาน
  5. เมื่อเสร็จทุกขั้นตอนคุณสามารถคุยกับ Bard ได้เลย


เทคนิคการใช้ Google Bard เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

ADME บอกเลยว่าสายทำคอนเทนต์ต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน เพราะ Google Bard สามารถนำมาประยุกต์ใช้สำหรับงาน SEO  ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอน

ตัวอย่างคำสั่ง Google Bard  สำหรับทำ SEO

หากคุณอยากให้ Google Bard  คิดชื่อ Title, ร่าง Outline, คิดหัวข้อ โดยสามารถใช้คำสั่งง่าย ๆ อย่าง 

  • “Please only reply in Thai. Give 10 SEO title examples for the keyword “[**การตลาดออนไลน์**]”. ถ้าคุณอยากให้ Bard เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมออกมา
        ในรูปแบบ Outline ก็สามารถทำได้ด้วยคำสั่ง
  • “List Create the H1 -Generate the 8 H2 headers, each with 3 H3 subheadings and the 5 Questions that are most frequently asked
        when people search for “เอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์ครบวงจร” on Google.”

    สาย SEO อยากให้ Google Bard ช่วยในการหา Backlink ก็สามารถทำได้ด้วยคำสั่ง

  • “Find me a list of 10 websites that accept guest posting in the marketing niche, that would be relevant for guest posting
         for https://www.admeadme.co/”


แต่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันแม้ว่า AI อย่าง จะสามารถเข้ามาคุณในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย รวมไปถึงการทำ SEO แต่อาจจะยังไม่มีความสามารถและให้ความสะดวกสบายได้เท่ากับการให้มนุษย์หรือเอเจนซี่ที่รับทำการคตลาดแบบครบวงจรอย่าง ADME Media ให้บริการรับทำ SEO Content ไม่ว่าจะเป็น On-site, Off-site และ Content
ครบจบในที่เดียว คุ้มค่า ตอบโจทย์กับธุรกิจทุกรูปแบบและทุกขนาด

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการพาไปทำความรู้จักกับ AI ตัวใหม่ของ Google อย่าง Google Bard ที่จะเข้ามาช่วยให้การทำงานและใช้ชีวิตประจำวันของคุณง่ายขึ้น เพราะ Google Bard คือ แชตบอต AI ของ Google ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการเรียนรู้ว่า Google Bard ใช้ยังไง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด เรียกได้ว่า Google AI คือตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI
ยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้อย่าง 100% ซึ่งบางอย่างยังต้องใช้มนุษย์ในการทำให้งานนั้นสมบูรณ์มากขึ้นด้วย