Skip to content

ADME

การตลาดสำหรับธุรกิจยุคใหม่ต้อง Inbound Marketing

Table of Contents

ทำความรู้จัก Inbound Marketing การตลาดเพื่อธุรกิจยุคใหม่

Inbound Marketing” การตลาดที่คนทำธุรกิจต้องเริ่มทำความรู้จักกันได้แล้ววันนี้ เพราะ Inbound Marketing คือทางเลือกที่เหมาะสมกับการตลาดในยุคปัจจุบันมาก โดยธุรกิจทุกแขนงจะสามารถใช้ Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูดเพื่อเสริมสร้างธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้เพื่อทำความรู้จักกับ Inbound Marketing ตัวอย่างกลยุทธ์กันเลย

จริง ๆ แล้ว Inbound Marketing หรือการตลาดแบบดึงดูดเป็นการทำการตลาดที่มุ่งเน้นกับ “การดึงดูด” กลุ่มเป้าหมายที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตให้เข้ามาทำความรู้จักกับแบรนด์หรือธุรกิจของเราจากวิธีการส่งต่อคุณค่าของแบรนด์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายนั่นเอง ซึ่งปกติแล้วการส่งต่อคุณค่าจะเกี่ยวกับความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ หรือสามารถไขข้อสงสัยให้กับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยเราสามารถสอดแทรกแบรนด์ของเราเข้าไปเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้เลย หรือสรุปอย่างง่าย ๆ ว่า Inbound Marketing คือการมอบคุณค่าและช่วยเสริมให้กลุ่มเป้าหมายบรรลุเป้าหมายไปพร้อมกับธุรกิจนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการทำการตลาดที่มีความน่าสนใจมาก ๆ เพราะเราสามารถทำการตลาดนี้ได้ในทันทีเพียงแค่สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีประโยชน์ก็จะสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามาสู่แบรนด์ของเราได้แล้ว ซึ่งในวันนี้ ADME ผู้นำด้านการรับทำการตลาดออนไลน์จะพาทุกคนไปดูกันว่า Inbound Marketing ดีกว่าการตลาดแบบเดิม ๆ อย่างไร? รวมถึงแชร์กลยุทธ์สำหรับการตลาดดึงดูดแบบไม่มีกั๊ก!

การทำ Inbound Marketing ดีกว่าการตลาดแบบเดิม ๆ อย่างไร?

เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเห็นแล้วว่าคนสมัยนี้สามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตได้เยอะกว่าเมื่อก่อน และทุกคนก็ต่างเข้าถึงคอนเทนต์ได้ตามที่ใจต้องการ ซึ่งสิ่งนี้คือหลักสำคัญของ Inbound Marketing เลย เพราะการตลาดแบบแรงดึงดูดจะเน้นทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย แตกต่างจากการตลาดแบบเดิม (Outbound Marketing) ที่เน้นแชร์คอนเทนต์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายหรือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่ง ADME ผู้ให้บริการรับทำการตลาดออนไลน์ขอสรุปความแตกต่างให้เห็นได้ชัดเจนมากขึ้นตามตารางด้านล่างนี้

ความแตกต่างของ

Inbound Marketing กับ Outbound Marketing

 

Inbound Marketing

Outbound Marketing

การเข้าถึง

เน้นสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อกลุ่มเป้าหมาย

เน้นส่งข้อความไปสู่กลุ่มคนในวงกว้าง

การมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน

เน้นให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของพวกเขา

เน้นหาความสนใจจากผู้ใช้งานผ่านการโฆษ
ณามากกว่าการทำคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการ

การสร้างส่วนร่วมให้คอนเทนต์

ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์โดยสมัครใจ

อาศัยการขัดจังหวะเพื่อเข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมาก

การสร้างความสัมพันธ์

เน้นสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวจากคอนเทนต์ที่มีคุณค่า

มักจะมีความสัมพันธ์ระยะสั้นและอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นแฟ้น

การวัดผล

เก็บข้อมูลที่ใช้วัดผลได้ ทั้งการมีส่วนร่วม Leads และ Conversion Rate

ติดตามการวัดผลได้ยาก โดยเฉพาะผลการตอบรับในทันทีและการตอบสนองของผู้ใช้งาน

จะสังเกตได้ว่า Inbound Marketing คือการทำการตลาดแบบการทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์และตอบสนองความต้องการกลุ่มเป้าหมายได้จริงและเน้นผลลัพธ์ในระยะยาว ซึ่งในที่นี้ก็คือการทำ SEO การเขียนบทความลงเว็บไซต์ และทำคอนเทนต์ลง Social Media เป็นต้น เรียกได้ว่าInbound Marketing เป็นการทำการตลาดแบบที่ไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะและสามารถมอบผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้แบรนด์ได้ในระยะยาว

กลยุทธ์สำหรับการทำ Inbound Marketing

นอกจาก Inbound Marketing จะมีลักษณะที่แตกต่างการทำการตลาดแบบเดิม ๆ แล้วกลยุทธ์ของการตลาดแบบแรงดึงดูดนี้ก็แตกต่างไปจากเดินเช่นกัน ซึ่งในหัวข้อนี้ ADME เอเจนซี่รับยิงแอดทุกแพลตฟอร์มจะอธิบายให้ดูกันว่า กลยุทธ์สำหรับการทำ Inbound Marketing ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง? ไปดูกันเลย

  • Attract ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย
  • Convert เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นลูกค้า
  • Close สานสัมพันธ์กับลูกค้า
  • Delight สร้างความพอใจให้ลูกค้า

Attract ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย

กลยุทธ์ของการตลาดดึงดูดอย่างแรกก็คือ Attract หรือการดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมายว่าจะต้องสามารถทำให้คนที่เห็นคอนเทนต์ของเรากลายมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ให้ได้ ซึ่งเราจะต้องทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายดังนี้

  1. Blog สร้างสรรค์บทความที่เป็นประโยชน์หรือสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้
  2. SEO เพิ่มคุณภาพให้เว็บไซต์ด้วยการทำ SEO ตัวช่วยจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น
  3. Social Media ดึงดูดผู้คนจำนวนมากด้วยการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีประโยชน์ลงบนแพลตฟอร์ม Social Media

 

Convert เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นลูกค้า

Convert หรือการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นลูกค้าเป็นกลยุทธ์ของ Inbound Marketing ที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าของแบรนด์ได้ในที่สุด ซึ่งเราสามารถทำกลยุทธ์ Convert ได้ดังนี้

  1. Call to action บนเว็บไซต์หรือบทความจะต้องมีปุ่ม Call to action (CTA) ไว้เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลและกลายมาเป็นลูกค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
  2. Landing Pages คือหน้าถัดไปที่ลูกค้าจะไปเยี่ยมชมหลังจากที่คลิก CTA แล้ว โดยหน้า Landing Pages จะต้องมีข้อเสนอที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. Forms ฟอร์มสำหรับกรอกข้อมูลที่จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าของเราได้เร็วขึ้น ซึ่งฟอร์มของเรานั้นจะต้องเหมาะสมกับข้อเสนอที่เราจะให้กับลูกค้า โดยอย่างน้อยจะต้องให้กรอกชื่อและอีเมล

 

Close สานสัมพันธ์กับลูกค้า

Close หรือการสานสัมพันธ์กับลูกค้าจะทำให้กลุ่มเป้าหมายกลายมาเป็นลูกค้าจริง ๆ โดยเราจะต้องสามารถสานสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องด้วยการทำตามขั้นตอนเหล่านี้

  1. Email Marketing สานความสัมพันธ์ด้วยการส่ง Email ไปหาลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ และทำให้ลูกค้าเห็นว่าสิ่งที่เราส่งไปทาง Email มีคุณค่ามากเพียงใด
  2. Workflows หมั่นดูแลและติดต่อกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอผ่าน Email หรือคอนเทนต์ต่าง ๆ 
  3. CRM (Customer Relationship Management System) สานสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างยั่งยืนด้วย CRM โดยเราจะต้องเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์พฤติกรรมและทำความเข้าใจพฤติกรรมเหล่านั้น เพื่อนำไปปรับกลยุทธ์การตลาดต่อไปในอนาคต

 

Delight สร้างความพอใจให้ลูกค้า

เมื่อมาถึง Delight หรือการสร้างความพอใจให้ลูกค้าก็แสดงว่ากลุ่มเป้าหมายได้กลายมาเป็นลูกค้าของแบรนด์อย่างแท้จริงแล้ว และเท่ากับว่าเราสามารถทำ Inbound Marketing ได้สำเร็จ ซึ่งเราจะต้องทำให้ลูกค้าบอกต่อแบรนด์ของเราแบบปากต่อปากได้ในวงกว้างด้วยการทำตามวิธีดังนี้

  1. Survey ทำแบบสอบถามหลังการขายเพื่อสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์
  2. Smart Content สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ทำให้ลูกค้ารู้ว่าเป็นคนพิเศษของแบรนด์
  3. Social Monitoring ส่งเสริมให้เกิดการแชร์หรือบอกต่อคอนเทนต์ต่าง ๆ ของแบรนด์

 

Inbound Marketing เหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง?

หากอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้แล้วว่าการทำ Inbound Marketing เหมาะกับธุรกิจแบบไหน? หรือสามารถนำไปใช้กับธุรกิจจากอุตสาหกรรมใดได้บ้าง? ทาง ADME ต้องขอบอกเลยว่าทำการตลาดแบบแรงดึงดูดนั้นเหมาะกับธุรกิจหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น

ธุรกิจ B2B (Business to Business)

ธุรกิจที่ค้าขายสินค้าหรือบริการให้กับธุรกิจด้วยกันเอง เช่น โรงงานผลิต บริษัทรับวางระบบ เป็นต้น

ธุรกิจที่สินค้ามีความซับซ้อน (High-Involvement)

ธุรกิจที่ต้องพิจารณาข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจซื้อขาย เช่น Healthcare การศึกษา การเงิน ที่ปรึกษา ประกันภัย เป็นต้น

ธุรกิจที่สินค้ามีมูลค่าสูง

สินค้าที่ราคาสูงหรือสินค้าหรูที่จำเป็นจะต้องผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น เครื่องเพชร อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้าง? กับข้อมูลของ Inbound Marketing ที่ ADME นำมาแชร์ในวันนี้ จะเห็นอย่างชัดเจนเลยว่า Inbound Marketing คือการตลาดที่เหมาะกับการทำธุรกิจในยุคใหม่จากทุกอุตสาหกรรม เพราะ Inbound Marketing การตลาดแบบแรงดึงดูดจะสามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายสนใจแบรนด์ของเราได้ผ่านคอนเทนต์คุณภาพดีที่มีประโยชน์และตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้จริง แถมกลยุทธ์ของ Inbound Marketing ตัวอย่างต่าง ๆ ก็สามารถนำไปใช้ได้อย่างง่ายดาย