Skip to content
seo และ sem แตกต่างกันอย่างไร
Table of Contents

เจาะลึกกลยุทธ์ SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร? ก่อนเริ่มทำการตลาด

ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์  สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักสงสัยคือ SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร? SEM SEO คืออะไรกันแน่ แล้ว SEO VS SEM แบบถึงจะเหมาะกับธุรกิจของเรา คำถามเหล่านี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเพราะการเลือกกลยุทธ์ seo และ sem ที่ใช่ตั้งแต่แรก อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า บทความนี้ ADME บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรจะพาคุณไปรู้จักว่า SEO ต่างกับ SEM อย่างไร พร้อมบอกคำแนะนำเบื้องต้นว่าคุณควรวางกลยุทธ์แบบไหนให้เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถสร้างผลลัพธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ

สรุปให้ชัด! SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้ธุรกิจโต

หลายคนอาจยังสับสนว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร เพราะทั้ง seo และ sem ต่างเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นบนเครื่องมือค้นหาอย่าง Google แต่แท้จริงแล้ววิธีการทำงานและเป้าหมายของทั้งคู่กลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในส่วนนี้ ADME Media จึงจะมาอธิบายให้เข้าใจว่า SEM SEO คืออะไร เพื่อให้คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ตลอดถึงสามารถเลือกกลยุทธ์ SEO VS SEM ได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด

SEO (Search Engine Optimization) คือ

Search Engine Optimization หรือ SEO  คือกระบวนการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา หรือที่เรียกว่า “Organic Search” บนเครื่องมือค้นหาชื่อดังอย่าง Google ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกถึงกว่า 90% โดย Google จะใช้ระบบที่เรียกว่า “Crawling” ในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์ทั่วโลก และประเมินคุณภาพของเนื้อหาและโครงสร้างเว็บผ่านอัลกอริทึม เพื่อจัดอันดับผลการค้นหาว่าเว็บไซต์ใดควรปรากฏในหน้าแรก

การทำ SEO จึงเป็นการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น เมื่อเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหา Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพและดันให้อยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ โดย SEO แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักที่สำคัญ ได้แก่

1. Technical SEO การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์ให้เหมาะสม เช่น การเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ หรือการทำให้รองรับกับมือถือ เพื่อช่วยให้ระบบค้นหาสามารถอ่านและเข้าใจเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
2. On-Page SEO การปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ให้ชัดเจน มีโครงสร้างที่เหมาะสม พร้อมใช้คำสำคัญในตำแหน่งที่ช่วยให้อัลกอริทึมเข้าใจว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
3. Off-Page SEO การสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ผ่านการได้รับลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง ช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google
4. Content หรือเนื้อหา เป็นหัวใจหลักของ SEO เนื่องจากบทความหรือข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา จะทำให้เว็บไซต์ได้รับความนิยมและถูกจัดอันดับสูงกว่า

SEM (Search Engine Marketing) คือ

Search Engine Marketing หรือ SEM คือกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการใช้โฆษณาแบบชำระเงิน (Paid Search) เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลในอันดับต้น ๆ ของหน้าค้นหาทันที เช่น การทำโฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มโอกาสในการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว การทำ SEM จึงต้องอาศัยการวางแผนอย่างละเอียด เริ่มจากการทำ Keyword Research และวิเคราะห์คู่แข่ง เพื่อนำข้อมูลมาสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย  รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของการโฆษณาให้สูงสุด โดยตัวอย่างแคมเปญ SEM ที่นิยมใช้ เช่น

1. PPC Advertising (Pay-Per-Click): โฆษณาที่ต้องจ่ายตามจำนวนที่ผู้ใช้คลิก เช่น Google Ads, Bing Ads หรือ Yahoo Gemini โดยจะแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้อง 
2. Display Advertising: โฆษณาแบบแบนเนอร์หรือภาพตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ตเนอร์ เช่น Google Display Network โดยมักใช้สำหรับการทำ Retargeting เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ
3. Video Ads: โฆษณาแบบวิดีโอ เช่น In-stream Ads ที่แสดงก่อนหรือระหว่างการดูวิดีโอบน YouTube เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์และการเล่าเรื่องที่ต้องใช้
ภาพเคลื่อนไหว
4. Local Services Ads: โฆษณาสำหรับธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านซ่อมรถ ช่างไฟฟ้า หรือบริการภายในพื้นที่ โดยแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาบริการในบริเวณใกล้เคียง
5. Social Media Ads: โฆษณาบนสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามความสนใจ พฤติกรรม หรือข้อมูลประชากร
6. Responsive Search Ads: โฆษณาที่ Google จะแสดงข้อความที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติจากชุดข้อความหลายชุดที่ใส่ไว้ เพื่อให้ตอบโจทย์การค้นหาของผู้ใช้แต่ละรายให้ดี
ยิ่งขึ้น
7. Voice Search Ads: โฆษณาที่แสดงผลจากการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) เช่น ผ่าน Google Assistant หรืออุปกรณ์สมาร์ตโฮม
8. Geotargeting / Location-Based Ads: โฆษณาที่กำหนดเป้าหมายตามตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งาน เช่น โฆษณาร้านอาหารใกล้ฉัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในจังหวะ
ที่ใช่

รู้หรือไม่ กลยุทธ์ seo และ sem มีประโยชน์ร่วมกันมากกว่าที่คิด

seo และ sem มีประโยชน์ร่วมกันมากกว่าที่คิด

ทุกคนคงได้คำตอบแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร แต่ถึงแม้ว่า seo และ sem จะมีแนวทางที่ต่างกันทั้งในด้านกระบวนการทำงาน งบประมาณ และระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ แต่ทั้ง seo และ sem ล้วนก็มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการแข่งขันบนโลกออนไลน์ ซึ่งหากพิจารณาให้ลึกลงไป จะพบว่าทั้ง seo และ sem มีประโยชน์หลายข้อที่สอดคล้องกัน ดังนั้น ADME บริการรับจ้างทำ SEO สายขาวจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ที่เหมือนกันของการทำ SEO VS SEM มาฝาก จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อม ๆ กันเลย

ไม่ว่าจะมาจากผลการค้นหาแบบออร์แกนิกหรือแบบชำระเงิน ทั้ง seo และ sem ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และยอดขายของแบรนด์ในที่สุด

ทั้ง seo และ sem ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันเว็บไซต์ให้มีโอกาสปรากฏบนหน้าการค้นหาของ Google  โดย SEO จะใช้การปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหา โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย  ส่วน SEM จะใช้งบโฆษณาเพื่อให้แสดงผลทันที แต่ท้ายที่สุดแล้ว ปลายทางของ seo และ sem ก็คือการทำให้ผู้ค้นหาเจอเว็บไซต์ของคุณก่อนใคร

ทั้งกลยุทธ์ seo และ sem สามารถนำเอาข้อมูลจากการค้นหา Google มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคได้ลึกซึ้งขึ้น ทำให้สามารถปรับแต่งข้อความ โฆษณา หรือเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละกลุ่มได้

กลยุทธ์ทั้ง seo และ sem สามารถช่วยออกแบบคอนเทนต์หรือแคมเปญให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของ Customer Journey ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ลูกค้าเริ่มค้นหาข้อมูลเบื้องต้น กำลังเปรียบเทียบทางเลือก หรืออยู่ในขั้นตอนตัดสินใจซื้อ

SEO VS SEM ต่างกันที่จุดไหนบ้าง เข้าใจง่าย เลือกใช้ได้ตรงเป้า

กลยุทธ์การทำ seo และ sem เป็นสองกลยุทธ์การตลาดยอดฮิตที่มีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะทั้ง seo และ sem ต่างก็สามารถเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์เติบโต ช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลในหน้าแรกของการค้นหา ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และสามารถสนับสนุนการตัดสินใจลูกค้าในทุกขั้นตอนของ Customer Journey ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นอกจากจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกันแล้ว SEO VS SEM ก็มีจุดต่างที่เห็นได้ชัดอยู่เช่นกัน แล้ว SEO ต่างกับ SEM ยังไง ลองมาดูข้อมูลจากตารางที่ ADME
บริษัทการตลาดออนไลน์ครบวงจรนำมาฝาก เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจและเลือกใช้กลยุทธ์ได้ตรงกับความต้องการของธุรกิจกันเลย

ประเด็นเปรียบเทียบ SEO SEM
วิธีการไต่อันดับ สร้างเนื้อหาคุณภาพและปรับแต่งเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ซื้อโฆษณาเพื่อแสดงผลบนหน้าค้นหาโดยตรง
ระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์ อาจใช้เวลานาน เหมาะสำหรับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว เห็นผลเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเริ่มโฆษณา
เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้และผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
รูปแบบการลงทุน ลงทุนเวลา แรงงานทีมงาน รวมถึงค่าเครื่องมือ SEO ต่าง ๆ ลงทุนเป็นเงินค่าโฆษณาโดยตรง
ความยั่งยืนของผลลัพธ์ ติดอันดับได้ยาวนาน หากดูแลและอัปเดตเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ สิ้นสุดแคมเปญอันดับอาจลดลง
แต่หากมีการรันแคมเปญอย่างต่อเนื่อง
จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ADME ขอแนะนำ SEO VS SEM กลยุทธ์แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

SEO VS SEM กลยุทธ์แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

เมื่อเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร หลาย ๆ คนก็คงอยากรู้ว่าควรเลือก SEO VS SEM วิธีไหนดี กลยุทธ์แบบไหนที่นำไปใช้แล้วเหมาะกับเป้าหมายของธุรกิจมากที่สุด สำหรับคำตอบนี้ ADME Media บริษัทรับทำ SEO ราคาดีขอแนะนำว่าหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าค้นหาอย่างยั่งยืน SEO คือทางเลือกที่เหมาะสม เพราะ SEO สามารถช่วยให้เว็บไซต์ไต่อันดับอย่างมั่นคง ด้วยการพัฒนาเนื้อหาและปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน ตลอดถึงเครื่องมือค้นหาในระยะยาว

ส่วนถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทันที SEM หรือการซื้อโฆษณาแบบจ่ายเงินจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น หรือต้องการโปรโมตสินค้าและบริการในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจต้องการทั้งความรวดเร็วและความยั่งยืน การทำ seo และ sem ร่วมกันจะช่วยให้ได้ทั้งผลลัพธ์ระยะสั้น รวมไปถึงการสร้างรากฐานที่แข็งแรงในระยะยาว แต่การจะใช้ seo และ sem พร้อมกันได้นั้น ธุรกิจจำเป็นต้องวางแผนการลงทุนทั้งเวลาและงบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้

SEM SEO คือกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเลือก SEO VS SEM ทั้งคู่ก็มีบทความสำคัญทั้งสิ้นต่อความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ แต่ SEO ต่างกับ SEM ตรงที่ SEO เหมาะกับการสร้างรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว ส่วน SEM เหมาะกับการดึงผู้ชมเข้าสู่เว็บไซต์อย่างรวดเร็วในช่วงสั้น ๆ ซึ่งทั้งสองกลยุทธ์สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่อคุณเข้าใจแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร และกำลังมองหาผู้ช่วยด้านการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนหรือการทำ SEM พร้อม Case Review ที่น่าสนใจ ADME Media พร้อมให้คำปรึกษาทั้ง seo และ sem เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงเป้าหมายธุรกิจมากที่สุด