![[ADME] – BLG – MAY25 – seo กับ sem ต่าง กัน อย่างไร (3)-01 seo และ sem แตกต่างกันอย่างไร](https://www.admeadme.co/wp-content/uploads/elementor/thumbs/ADME-BLG-MAY25-seo-กับ-sem-ต่าง-กัน-อย่างไร-3-01-r7dy5tnvqa8wpajphavixx536dtc17ea66dft14wo4.png)
เจาะลึกกลยุทธ์ SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร? ก่อนเริ่มทำการตลาด
ถ้าคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักสงสัยคือ SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร? SEM SEO คืออะไรกันแน่ แล้ว SEO VS SEM แบบถึงจะเหมาะกับธุรกิจของเรา คำถามเหล่านี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเพราะการเลือกกลยุทธ์ seo และ sem ที่ใช่ตั้งแต่แรก อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า บทความนี้ ADME บริษัทรับทำการตลาดออนไลน์ครบวงจรจะพาคุณไปรู้จักว่า SEO ต่างกับ SEM อย่างไร พร้อมบอกคำแนะนำเบื้องต้นว่าคุณควรวางกลยุทธ์แบบไหนให้เหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถสร้างผลลัพธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ
สรุปให้ชัด! SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนให้ธุรกิจโต
หลายคนอาจยังสับสนว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร เพราะทั้ง seo และ sem ต่างเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นบนเครื่องมือค้นหาอย่าง Google แต่แท้จริงแล้ววิธีการทำงานและเป้าหมายของทั้งคู่กลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในส่วนนี้ ADME Media จึงจะมาอธิบายให้เข้าใจว่า SEM SEO คืออะไร เพื่อให้คุณมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น ตลอดถึงสามารถเลือกกลยุทธ์ SEO VS SEM ได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
SEO (Search Engine Optimization) คือ
Search Engine Optimization หรือ SEO คือกระบวนการปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลอยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาที่ไม่ต้องเสียค่าโฆษณา หรือที่เรียกว่า “Organic Search” บนเครื่องมือค้นหาชื่อดังอย่าง Google ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกถึงกว่า 90% โดย Google จะใช้ระบบที่เรียกว่า “Crawling” ในการเก็บข้อมูลเว็บไซต์ทั่วโลก และประเมินคุณภาพของเนื้อหาและโครงสร้างเว็บผ่านอัลกอริทึม เพื่อจัดอันดับผลการค้นหาว่าเว็บไซต์ใดควรปรากฏในหน้าแรก
การทำ SEO จึงเป็นการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น เมื่อเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้งานค้นหา Google ก็จะมองว่าเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพและดันให้อยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ โดย SEO แบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักที่สำคัญ ได้แก่
1. Technical SEO การปรับโครงสร้างของเว็บไซต์ให้เหมาะสม เช่น การเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ หรือการทำให้รองรับกับมือถือ เพื่อช่วยให้ระบบค้นหาสามารถอ่านและเข้าใจเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
2. On-Page SEO การปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละหน้าของเว็บไซต์ให้ชัดเจน มีโครงสร้างที่เหมาะสม พร้อมใช้คำสำคัญในตำแหน่งที่ช่วยให้อัลกอริทึมเข้าใจว่าเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
3. Off-Page SEO การสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ผ่านการได้รับลิงก์ย้อนกลับจากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้อง ช่วยเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือในสายตาของ Google
4. Content หรือเนื้อหา เป็นหัวใจหลักของ SEO เนื่องจากบทความหรือข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา จะทำให้เว็บไซต์ได้รับความนิยมและถูกจัดอันดับสูงกว่า
SEM (Search Engine Marketing) คือ
Search Engine Marketing หรือ SEM คือกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการใช้โฆษณาแบบชำระเงิน (Paid Search) เพื่อให้เว็บไซต์แสดงผลในอันดับต้น ๆ ของหน้าค้นหาทันที เช่น การทำโฆษณาแบบ PPC (Pay-Per-Click) ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มโอกาสในการมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว การทำ SEM จึงต้องอาศัยการวางแผนอย่างละเอียด เริ่มจากการทำ Keyword Research และวิเคราะห์คู่แข่ง เพื่อนำข้อมูลมาสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของการโฆษณาให้สูงสุด โดยตัวอย่างแคมเปญ SEM ที่นิยมใช้ เช่น
1. PPC Advertising (Pay-Per-Click): โฆษณาที่ต้องจ่ายตามจำนวนที่ผู้ใช้คลิก เช่น Google Ads, Bing Ads หรือ Yahoo Gemini โดยจะแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้อง
2. Display Advertising: โฆษณาแบบแบนเนอร์หรือภาพตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ตเนอร์ เช่น Google Display Network โดยมักใช้สำหรับการทำ Retargeting เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ
3. Video Ads: โฆษณาแบบวิดีโอ เช่น In-stream Ads ที่แสดงก่อนหรือระหว่างการดูวิดีโอบน YouTube เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้แบรนด์และการเล่าเรื่องที่ต้องใช้
ภาพเคลื่อนไหว
4. Local Services Ads: โฆษณาสำหรับธุรกิจท้องถิ่น เช่น ร้านซ่อมรถ ช่างไฟฟ้า หรือบริการภายในพื้นที่ โดยแสดงผลเมื่อมีคนค้นหาบริการในบริเวณใกล้เคียง
5. Social Media Ads: โฆษณาบนสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok สามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามความสนใจ พฤติกรรม หรือข้อมูลประชากร
6. Responsive Search Ads: โฆษณาที่ Google จะแสดงข้อความที่เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติจากชุดข้อความหลายชุดที่ใส่ไว้ เพื่อให้ตอบโจทย์การค้นหาของผู้ใช้แต่ละรายให้ดี
ยิ่งขึ้น
7. Voice Search Ads: โฆษณาที่แสดงผลจากการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) เช่น ผ่าน Google Assistant หรืออุปกรณ์สมาร์ตโฮม
8. Geotargeting / Location-Based Ads: โฆษณาที่กำหนดเป้าหมายตามตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งาน เช่น โฆษณาร้านอาหารใกล้ฉัน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าในจังหวะ
ที่ใช่
รู้หรือไม่ กลยุทธ์ seo และ sem มีประโยชน์ร่วมกันมากกว่าที่คิด

ทุกคนคงได้คำตอบแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร แต่ถึงแม้ว่า seo และ sem จะมีแนวทางที่ต่างกันทั้งในด้านกระบวนการทำงาน งบประมาณ และระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ แต่ทั้ง seo และ sem ล้วนก็มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการแข่งขันบนโลกออนไลน์ ซึ่งหากพิจารณาให้ลึกลงไป จะพบว่าทั้ง seo และ sem มีประโยชน์หลายข้อที่สอดคล้องกัน ดังนั้น ADME บริการรับจ้างทำ SEO สายขาวจึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ที่เหมือนกันของการทำ SEO VS SEM มาฝาก จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อม ๆ กันเลย
1. ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์เติบโตจากจำนวนผู้เข้าชม
ไม่ว่าจะมาจากผลการค้นหาแบบออร์แกนิกหรือแบบชำระเงิน ทั้ง seo และ sem ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันคือการเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และยอดขายของแบรนด์ในที่สุด
2. ช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลในหน้าแรกของการค้นหา
ทั้ง seo และ sem ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันเว็บไซต์ให้มีโอกาสปรากฏบนหน้าการค้นหาของ Google โดย SEO จะใช้การปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหา โดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วน SEM จะใช้งบโฆษณาเพื่อให้แสดงผลทันที แต่ท้ายที่สุดแล้ว ปลายทางของ seo และ sem ก็คือการทำให้ผู้ค้นหาเจอเว็บไซต์ของคุณก่อนใคร
3. ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
ทั้งกลยุทธ์ seo และ sem สามารถนำเอาข้อมูลจากการค้นหา Google มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคได้ลึกซึ้งขึ้น ทำให้สามารถปรับแต่งข้อความ โฆษณา หรือเนื้อหาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละกลุ่มได้
4. สนับสนุนการตัดสินใจลูกค้าในทุกขั้นตอนของ Customer Journey
กลยุทธ์ทั้ง seo และ sem สามารถช่วยออกแบบคอนเทนต์หรือแคมเปญให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของ Customer Journey ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ลูกค้าเริ่มค้นหาข้อมูลเบื้องต้น กำลังเปรียบเทียบทางเลือก หรืออยู่ในขั้นตอนตัดสินใจซื้อ
SEO VS SEM ต่างกันที่จุดไหนบ้าง เข้าใจง่าย เลือกใช้ได้ตรงเป้า
กลยุทธ์การทำ seo และ sem เป็นสองกลยุทธ์การตลาดยอดฮิตที่มีความโดดเด่นอย่างมาก เพราะทั้ง seo และ sem ต่างก็สามารถเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์เติบโต ช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลในหน้าแรกของการค้นหา ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด และสามารถสนับสนุนการตัดสินใจลูกค้าในทุกขั้นตอนของ Customer Journey ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นอกจากจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกันแล้ว SEO VS SEM ก็มีจุดต่างที่เห็นได้ชัดอยู่เช่นกัน แล้ว SEO ต่างกับ SEM ยังไง ลองมาดูข้อมูลจากตารางที่ ADME
บริษัทการตลาดออนไลน์ครบวงจรนำมาฝาก เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจและเลือกใช้กลยุทธ์ได้ตรงกับความต้องการของธุรกิจกันเลย
ประเด็นเปรียบเทียบ | SEO | SEM |
---|---|---|
วิธีการไต่อันดับ | สร้างเนื้อหาคุณภาพและปรับแต่งเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง | ซื้อโฆษณาเพื่อแสดงผลบนหน้าค้นหาโดยตรง |
ระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์ | อาจใช้เวลานาน เหมาะสำหรับการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว |
เห็นผลเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเริ่มโฆษณา เหมาะสำหรับการสร้างการรับรู้และผลลัพธ์ที่รวดเร็ว |
รูปแบบการลงทุน | ลงทุนเวลา แรงงานทีมงาน รวมถึงค่าเครื่องมือ SEO ต่าง ๆ | ลงทุนเป็นเงินค่าโฆษณาโดยตรง |
ความยั่งยืนของผลลัพธ์ | ติดอันดับได้ยาวนาน หากดูแลและอัปเดตเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ |
สิ้นสุดแคมเปญอันดับอาจลดลง แต่หากมีการรันแคมเปญอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ |
ADME ขอแนะนำ SEO VS SEM กลยุทธ์แบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

เมื่อเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร หลาย ๆ คนก็คงอยากรู้ว่าควรเลือก SEO VS SEM วิธีไหนดี กลยุทธ์แบบไหนที่นำไปใช้แล้วเหมาะกับเป้าหมายของธุรกิจมากที่สุด สำหรับคำตอบนี้ ADME Media บริษัทรับทำ SEO ราคาดีขอแนะนำว่าหากคุณต้องการสร้างเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าค้นหาอย่างยั่งยืน SEO คือทางเลือกที่เหมาะสม เพราะ SEO สามารถช่วยให้เว็บไซต์ไต่อันดับอย่างมั่นคง ด้วยการพัฒนาเนื้อหาและปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้งาน ตลอดถึงเครื่องมือค้นหาในระยะยาว
ส่วนถ้าคุณต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ทันที SEM หรือการซื้อโฆษณาแบบจ่ายเงินจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น หรือต้องการโปรโมตสินค้าและบริการในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจต้องการทั้งความรวดเร็วและความยั่งยืน การทำ seo และ sem ร่วมกันจะช่วยให้ได้ทั้งผลลัพธ์ระยะสั้น รวมไปถึงการสร้างรากฐานที่แข็งแรงในระยะยาว แต่การจะใช้ seo และ sem พร้อมกันได้นั้น ธุรกิจจำเป็นต้องวางแผนการลงทุนทั้งเวลาและงบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้
SEM SEO คือกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเลือก SEO VS SEM ทั้งคู่ก็มีบทความสำคัญทั้งสิ้นต่อความสำเร็จของธุรกิจออนไลน์ แต่ SEO ต่างกับ SEM ตรงที่ SEO เหมาะกับการสร้างรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว ส่วน SEM เหมาะกับการดึงผู้ชมเข้าสู่เว็บไซต์อย่างรวดเร็วในช่วงสั้น ๆ ซึ่งทั้งสองกลยุทธ์สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่อคุณเข้าใจแล้วว่า SEO กับ SEM ต่างกันอย่างไร และกำลังมองหาผู้ช่วยด้านการตลาดออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนหรือการทำ SEM พร้อม Case Review ที่น่าสนใจ ADME Media พร้อมให้คำปรึกษาทั้ง seo และ sem เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงเป้าหมายธุรกิจมากที่สุด